การเลี้ยงอูฐ
การเลี้ยงอูฐ เป็นอาชีพที่เก่าแก่และมีความสำคัญในหลายประเทศทั่วโลก อูฐเป็นสัตว์ที่อดทนและสามารถทนต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้งได้ดี จึงเหมาะสำหรับการเลี้ยงในพื้นที่ที่มีฝนตกน้อย อูฐยังให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น นม เนื้อ หนัง และขน ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
ลักษณะทั่วไป
โดยทั่วไป “อูฐ” เป็นสัตว์ซึ่งเลี้ยงในพื้นที่แห้งแล้งแบบทะเลทราย เพราะความสามารถในการปรับตัวให้อยู่ได้ในสภาพดังกล่าวได้เป็นอย่างดีกว่าสัตว์ประเภทอื่น ในบริเวณที่มีการเลี้ยงสัตว์ประเภทโคกระบือ แพะ แกะ ส่วนมากจะมีความชื้นแฉะ พื้นที่ที่เลี้ยงไม่เพียงพอและมักจะเป็นที่หมักหมมของเชื้อโรค และพยาธิ ในขณะที่อูฐจะสามารถเดินทางหาอาหารเป็นระยะทางไกลและมีความต้องการน้ำน้อยในฤดูแล้งจัด อูฐสามารถอดน้ำได้นานถึง 10-20 วัน ในขณะที่แพะ แกะ ต้องการน้ำในระยะทุก 3-8 วัน และโคมีความต้องการน้ำทุก 2-3 วัน อูฐสามารถให้นมได้แม้ว่าจะมีสภาพแห้งแล้งมากๆ ก็ตาม
ดังนั้น อูฐจึงเป็นสัตว์ที่เลี้ยงในเขตแท้งแล้งทะเลทราย เพื่อผลผลิตน้ำนมด้วยนอกเหนือไปจากการใช้แรงงาน ในทางชีววิทยา อูฐเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ใน Order Artiodactyla, SuborderTylopoda, Family Camelidae, genus Camelus จัดแบ่งได้เป็นสอง Species คือ Camelus bactrianus ซึ่งเป็นอูฐที่มีสองตะโหนกและเป็นอูฐที่อยู่แถบหนาว และ Camelus dromedarius ซึ่งเป็นอูฐที่เลี้ยงในที่ร้อนแห้งแล้งแบบทะเลทราย อูฐเป็นสัตว์ที่มีการเลี้ยงมาตั้งแต่โบราณ โดยเลี้ยงทางตอนใต้ของประเทศแถบอาหรับ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้บริโภคเนื้อและนมเป็นหลัก และใช้บรรทุกของ ทำงาน ขี่และใช้ประโยชน์จากหนังและขนด้วย อูฐมีความสำคัญต่อชีวิตและความป็นอยู่ต่อชาวทะเลทรายเป็นอย่างมาก โดยมีบทบาททั้งทางสังคม และประเพณีวัฒนธรรมด้วย เช่น ในชนบางเผ่าเมื่อได้ลูกชาย เด็กจะได้รับลูกอูฐเป็นของขวันและพ่อแม่จะใส่สายสะดือเด็กไว้ในถุงและแขวนไว้ที่คออูฐ หรือบางเผ่าจะให้เป็นของขวัญแต่งงาน เป็นต้น
ปัจจุบัน แหล่งที่มีการเลี้ยงอูฐมากที่สุดในโลกคือประเทศซูดาน โดยเลี้ยงไว้เพื่อใช้งาน นอกจากนี้ได้มีการแพร่ขยายออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น ประเทศออสเตรเลีย ได้นำอูฐไปเลี้ยงแพร่ขยายพันธุ์ในเขตทะเลทราย
ผลผลิตน้ำนม และคุณภาพน้ำนมอูฐ
อูฐเป็นสัตว์ที่มีนม 4 เต้า เช่นเดียวกับโค กระบือ อูฐตะโหนกเดียวส่วนใหญ่จะเลี้ยงเพื่อผลิตน้ำนม ตามปกติอูฐจะเริ่มแห้งนมมประมาณ 8 สัปดาห์ หลังจากการผสมติด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นแม้ลูกจะยังไม่หย่านม ซึ่งในกรณ๊นี้จำเป็นต้องปอนนมลูกด้วยขวด สาเหตุสำคัญที่ทำให้อูฐมีระยะการให้นมสั้นลงและปริมาณน้ำนมลดลงก็คือการเกิดโรคความผิดปกติทางระบบสืบพันธุ์ การขาดแคลนอาหาร เป็นต้น อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับโคพื้นเมืองต่างๆ แล้ว อูฐจะให้ปริมาณน้ำนมที่มากกว่า ปริมาณน้ำนมต่อวันจะขึ้นอยู่กับระยะการให้นม ปริมาณอาหารที่กิน ความถี่ของการกินน้ำลแะสภาพโดยทั่วไปของอูฐในขณะรีดนม ปริมาณน้ำนมเฉลี่ยนต่อวันเท่่ากับ 6.21 ลิตร ระยะให้นมสูงสุดของอูฐจะอยู่ในระยะ 6-10 อาทิตว์ หลังจากคลอดลูก สำหรับการรีดนม โดยทั่วๆ ไป จะรีดนมวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและตอนเย็น แต่ในบางประเทศเช่นประเทศโซมาเลีย จะรีดนมอูฐถึงวันละ 4-6 ครั้ง พบว่าได้ปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้นถึง 17% นอกจากนี้การรีดนมอูฐจะต้องใช้ลูกกระตุ้นด้วย
ส่วนประกอบทางเคมีและฟิสิกค์ของนมอูฐนั้น ตามปกตินมอูฐจะมีรสหวาน ประกอบด้วยไขมัน 1.1-4.3% มีกรดไขมันประเภทระเหยได้ กรดลิโนเลอิกและกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง โปรตีน 2.5-4.6% แลคโต๊ส 2.9-4.6% มีส่วนประกอบของน้ำ 85.7-91.2% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำและอาหารที่อูฐได้รับ นมอูฐมีระดัง Calcium ค่อนข้างต่ำแต่มี Phosphorus และธาตุเหล็กสูง และมี Vitamin C สูงมาก
สำหรับนมและผลิตภัณฑ์นม เนื่องจากนมอูฐจะใช้ในการเลี้ยงลูกของมันเองและใช้บริโภคสดเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงมีการศึกษาและนำนมอูฐไปทำเป็นผลิตภัณฑ์น้อยมาก อย่างไรก็ตามได้มีผู้นำนมอูฐไปบริโภคเป็นยาซึ่งมีความเชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคท้องมาน (Dropsy) โรคเกี่ยวกับม้าม วัณโรค โรคหืด โรคโลหิดจาง และมีรายงานว่าคนไข้ป่วยเป็นโรคตับอักเสบมีอาการดีขึ้นเมื่อรักษาด้วยนมอูฐ
ในประเทศแถบทะเลทรายจะมีการทำนมเปรี้ยวหรือทำเนยและชีสจากนมอูฐโดยวิธีง่ายๆ คือ ใช้นมอูฐสดใส่ภาชนะวางทิ้งไว้ในอุณหภูมิ 25-30 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 12-24 ชั่วโมง จากนั้นนำมาคนหรือปั่นในอุณหภูมิ 12-18 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15-20 นาที ก็จะได้เนยจากนมอูฐ แต่อย่างไรก็ตาม เนยหรือชีสที่ทำจากนมอูฐก็จะมีคุณภาพแตกต่างจากเนยหรือชีสที่ได้จากน้ำนมของสัตว์อื่น เนื่องจากคุณสมับติทางเคมีของน้ำนมที่มีโครงสร้างของไขมัน โปรตีน และกรดอมิโนที่แตกต่างกัน
ผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากอูฐ
นอกจากจะได้ประโยชน์จากน้ำนมของอูฐแล้ว อูฐยังสามารถให้ผลผลิตอื่น เช่น หนังขนและเนื้ออีกด้วย อูฐจะให้ปริมาณขน 1-5 กก. ต่อหัว ขนอูฐสามารถนํามาทอเป็นผ้าขนสัตว์ทําเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม พรมหรือเชือกได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับส่วนของร่างกายที่นําขนมาใช้งาน ขนที่ได้จากบริเวณใต้ท้องและคอจะนุ่มและยาวกว่าขนจากบริเวณอื่น ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากขนอูฐจะมีราคาแพงมาก นอกจากนี้อูฐยังให้หนังที่มีคุณภาพดีสามารถนำไปทำรองเท้าหรือเครื่องหนังอื่นๆ ได้
อาหารและการจัดในการเลี้ยงอูฐ
อูฐมีระบบย่อยอาหารคล้ายกับสัตว์สี่กระเพาะ แต่กระเพาะส่วนที่สาม คือ Omasum ไม่เจริญเหมือนสัตว์เคี้ยวเอื้องประเภทอื่น แต่จะมีลักษณะเล็กยาว มีเซลล์ที่มีความพิเศษคือเก็บน้ำได้มาก อูฐจึงไม่ต้องกินน้ำบ่อย อูฐเป็นสัตว์ที่ใช้ประโยชน์จากพืชคุณภาพต่ำได้ดีกว่าสัตว์กระเพาะรวมประเภทอื่นโดยเฉพาะพืชประเภทไม้พุ่ม ประสิทธิภาพการย่อยได้ของอูฐจะอยู่ระหว่าง 46-81 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งดีกว่าแพะและแกะ แต่อย่างไรก็ตามโค Zebu จะสามารถใช้อาหารประเภทหญ้าแห้งได้ดีกว่าอูฐ อูฐมีความต้องการอาหารหยาบประมาณ 5-10 กก.วัตถุแห้ง (Dry matter) ต่อ 100 กก. ของน้ำหนักตัว หรือสามารถกินหญ้าสดได้วันละ 10-20 กก. ส่วนความต้องการน้ำของอูฐ จะขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศและอาหารที่กิน อูฐสามรารถอยู่ได้เป็นเวลานานกว่าสัตว์อื่นโดยไม่มีน้ำ อูฐจะกินน้ำวันละประมาณ 13 ลิตร เมื่ออาหารอุดมสมบูรณ์หรือกินหญ้าสดและจำกินน้ำวันละ 30 ลิตร เมื่อขาดอาหารหรือกินอาหารจากพื้นที่ดินเค็ม การที่อูฐสามารถอดน้ำได้นานกว่าสัว์ประเภทอื่นก็เนื่องจากอูฐมีอัตราการสูญเสียน้ำต่ำและทนอาการน้ำแห้ง อูฐจะเจริญเติบโตเต็มที่ เพศผู้อายุ 4-6 ปี มีน้ำหนักประมาณ 400-600 กก. เพศเมียอายุ 3-5 ปี มีน้ำหนัก 300-400 กก.
การสืบพันธุ์
อูฐจะมีอายุการเป็นหนุ่มเป็นสาว (Puberty) เมื่ออายุ 4-5 ปี และเป็นสัตว์ที่มีฤดูการผสมพันธุ์ (Seasonal breeding) มักจะผสมพันธุ์ในช่วงที่มีอากาศเย็น คือ ในฤดูฝนหรือฤดูหนาว มีผู้รายงานว่าวงจรการสืบพันธุ์ของอูฐจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่อูฐอาศัย ในประเทศรัสเซียพบว่าอูฐประเภทสองตะโหนกจะแสดงอาการเป็นสัดตลอดปี แต่อูฐตะโหนกเดียวจะเป็นสัดตามฤดูกาล ช่วงระยะเวลาการเป็นสัดของอูฐเพศเมียจะสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนโดยทั่วไปจะมีอาการกระวนกระวายมักมีนิสัยดุร้ายขึ้น อูฐมีวงรอบการเป็นสัดประมาณ 2-3 สัปดาห์ มีระยะการตกไข่ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังการผสมพันธุ์แล้ว 30-48 ชั่วโมง ระยะการเป็นสัดของอูฐนานประมาณ 3-4 วัน อูฐมีช่วงระยะห่างของการให้ลูก 24 เดือน ระยะตั้งท้องนาน 360-393 วัน ในด้านความสมบูรณ์พันธุ์ อูฐมีอัตราการผสมติดต่ำประมาณ 50% หรือต่ำกว่า
สรุป
อูฐเป็นสัตว์ที่น่าจะนำมาผลิตเพื่อใช้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางด้านการผลิตน้ำนมในพื้นที่ซึ่งมีความแห้งแล้งอากาศร้อน ในขณะที่ประชากรโลกเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก การเน้นด้านการเลี้ยงสัตว์ให้ได้ผลผลิตสูงดดยการปรับปรุงด้านการจัดการเป็นวิธีหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ที่มีขีดจำกัดด้านการเลี้ยงสัตว์ก็จำเป็นที่ต้องนำมาพิจารณา การเลี้ยงอูฐในพื้นที่แห้งแล้งซึ่งไม่สามารถจะเลี้ยงสัตว์ให้นมประเภทอื่นได้ก็น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่จะให้นมเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จาก ขน หนัง และเนื้อเพื่อบริโภคอีกด้วย ในพื้นที่แห้งแล้งทะเลทรายการเพิ่มพื้นที่ทำการเกษตรน่าจะใช้ประโยชน์จากอูฐได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม อูฐเป็นสัตว์ที่มีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับสัตว์ให้นมปรเภทอื่น ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องทำการศึกษาค้นคว้าเพื่อหาทางและความเป็นไปได้ในการเลี้ยงให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจในอนาคต
-*-*-*-*-*-*-
เอกสารอ้างอิง
Chamberlain, A., 1989. Milk Production in the Tropics. Longman Scientific and Technical.Intermediate Tropical Agiculture Series. London.
ISF, 1980. Proceedings of 1 st international Workshop on Camels. Khartoum, Sudan, December 1979. IFS Provisional Report 6. Int. Foundation for Sci. Stockholm.
Wilson, R.T., 1984. The camels. Longman, London.
Yagil, R., 1982. Camels and camel milk. FAO Animal Prodn and Health. Paper 26. FAO, Rome
เรียบเรียงโดย : อัญชลี ณ เชียงใหม่ (กองบำรุงพันธุ์สัตว์ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์)