ปัญหาการขาดแคลนที่ดินทำกินของเกษตรกร เป็นปัญหาสำคัญยิ่งในปัจจุบัน และการประกอบอาชีพทางการเกษตรโดยเฉพาะในเขตที่ใช้น้ำฝนทำนาเป็นหลัก เกษตรกรจะมีความเสี่ยงสูง เป็นเหตุให้ผลผลิตข้าวอยู่ในระดับต่ำ ไม่เพียงพอต่อการบริโภค
ด้วยพระอัจฉริยะในการแก้ปัญหา จึงได้พระราชทาน ทฤษฎีใหม่การทำเกษตรในพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อเป็นอาชีพหลักหลายคนอาจคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้เนื่องจากมีพื้นที่น้อย แต่ถ้าหากจัดสรรพื้นที่ดีๆก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำเช่นกันค่ะนพื้นที่ 1 ไร่ จะประกอบไปด้วยพื้นที่ 4 งาน เราจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
แบ่งพื้นที่ 1 งาน สำหรับสร้างบ่อน้ำ และที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก
แบ่งพื้นที่ 3 งาน สำหรับการการเพาะปลูก โดยปลูกพืช 3 ระยะด้วยกัน คือ ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว โดยใช้หลักเกณฑ์ดังนี้
ปลูกพืชระยะสั้น
เป็นผักที่ปลูกในช่วงสั้นๆเก็บเกี่ยวผลผลิตได้รวดเร็วควรเลือกพันธุ์ผักที่เป็นที่ต้องการของตลาดและราคาดี เช่น ต้นอ่อนผักบุ้ง ต้นอ่อนทานตะวัน ผักบุ้งจีน กวางตุ้ง ถั่วงอก เห็ดนางฟ้า ผักกาดหอม เป็นต้น ผักในระยะนี้จะสามารถเป็นรายได้ให้ทุกวัน
ปลูกพืชระยะกลาง
พืชในระยะนี้จะเป็นจำพวกไม้ผลหรือผลไม้ตามฤดูกาล ส่วนใหญ่แล้วใช้ระยะในการปลูกประมาณ 1 ปี และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณ 1-2 ครั้ง หรือตามช่วงฤดูกาล เช่น มะนาว มะม่วง มะพร้าว มะละกอ กล้วย มะกรูด เป็นต้น โดยรายได้ในส่วนนี้จะเป็นรายได้สำหรับเก็บออมไว้ใช้ยามจำเป็น
ด้วยข้อ จำ กั ด ของพื้นที่ที่มีน้อย จึงควรเน้นพืชผักผลไม้ที่มีราคา เช่น การปลูกมะนาว โดยบังคับให้ออกนอกฤดู จะทำให้มะนาวมีราคาสูงเป็นเท่าตัวสามารถสร้างรายได้ได้มากขึ้น
การปลูกพืชระยะยาว
พืชในระยะนี้จะเป็นจำพวกไม้เศรษฐกิจ ที่ใช้ระยะเวลากว่าที่จะมีการเก็บเกี่ยวหลายสิบปีเช่น สักทอง ยางนา ไม้เต็ง ไม้ประดู่ ไม้แดง เป็นต้น โดยให้ปลูกขึ้นตามแนวเขตพื้นที่หรือปลูกเป็นรั้ว ซึ่งพื้นที่ 1 ไร่ จะมีความยาวประมาณ 160 เมตร หากเราปลูกต้นไม้ ในระยะ 2 เมตร/ต้น ก็จะได้ไม้เศรษฐกิจถึง 80 ต้น เลยทีเดียว ที่ว่างระหว่าต้นไม้สามารถปลูกพืชผักสวนครัวแซมได้ เช่น มะละกอ แค เป็นต้น