“ไข่ผำ” หรือ “ผักผำ” ฟิวเจอร์ฟู้ด พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ “พาณิชย์-หอการค้า” ลุยตลาดโลก 6 ล้านล้าน
กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้านโยบายอาหารแห่งอนาคต ส่งเสริม ไข่ผำ หรือ ไข่น้ำ-คาเวียร์เขียวเป็นซูเปอร์ฟู้ด (Super Food) ดาวรุ่งสร้างอาชีพใหม่ให้เกษตรกร “อลงกรณ์” เร่งขับเคลื่อนจับมือ 5 คลัสเตอร์สภาอุตสาหกรรมผนึก “พาณิชย์-หอการค้า” ลุยตลาดโลก 6 ล้านล้านบาท
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) เปิดเผยว่า ภายหลังกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ศักยภาพของไข่น้ำสำหรับเกษตรกรไทยและการส่งออก” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดนโยบายอาหารแห่งอนาคต (Future Food Policy) เป็นหนึ่งในนโยบายหลัก เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศตลอดห่วงโซ่เกษตรและอาหารเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลกในยุคนิวนอร์มอล (New Normal)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้การขับเคลื่อนของ “กรกอ.” เดินหน้าส่งเสริมพืชเศรษฐกิจตัวใหม่คือ ผำ หรือ ไข่ผำ หรือ ไข่น้ำ (Wolffia) ซึ่งเป็นพืชน้ำล้ำค่ามีฉายาว่า “คาเวียร์เขียว” (Green Caviar) ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดซูเปอร์ฟู้ด (SuperFood) ของอาหารแห่งอนาคต (Future Food)
โดยสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ใน 4 ระดับ
1.การวิจัยและพัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) และสวก.
2.การส่งเสริมการผลิต โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมประมง สปก. วิสาหกิจชุมชน เกษตรแปลงใหญ่ และเอสเอ็มอีเกษตร
3.การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างแบรนด์ใน 5 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม
4.การตลาดออนไลน์และออฟไลน์ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศโดยกระทรวงพาณิชย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย ตั้งเป้าเจาะตลาดมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6 ล้านล้านบาท
“ผำ เป็นพืชวัฒนธรรมและอาหารพื้นเมืองของไทยมาแต่โบราณ วันนี้กลายเป็นซูเปอร์ฟู้ดของโลก เพราะมีโภชนาการ (Nutrients) ครบถ้วนสูงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ โปรตีน
“ประกอบกับเป็นพืชน้ำทรงกลมขนาดจิ๋ว จึงได้ฉายาว่า Green Caviar นับเป็นพืชที่อยู่ในกลุ่มนโยบาย อาหารแห่งอนาคต (Future Food ) ซึ่งแบ่งเป็น 4 กลุ่มได้แก่ อาหารอินทรีย์ อาหารเสริมสุขภาพ อาหารทางการแพทย์ อาหารนวัตกรรมใหม่” นายอลงกรณ์ กล่าว
พร้อมกับระบุว่า กระทรวงเกษตรฯ เร่งส่งเสริมสนับสนุนโดยร่วมมือกับสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้ 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมอาหาร และ เครื่องดื่ม 2. อุตสาหกรรมอาหารเสริม 3. อุตสาหกรรมอาหารสัตว์และอาหารเสริม 4. อุตสาหกรรมยาและยาสัตว์ 5. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและบำรุงผิว
“โดยทั้งหมดนี้ นับเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่มีอนาคตสามารถสร้างอาชีพใหม่ให้เกษตรกรฝ่าวิกฤติโควิด19เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ” นายอลงกรณ์ กล่าว
นางสาวสุธีรา รัตนาศิรินทรวุธ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด
บริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีทีมนักวิจัยเพื่อพัฒนาไข่ผำ ให้มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น หลังจากทำตลาดผลิตภัณฑ์ไข่ผำมา 2 ปี บริษัทมีกลุ่มลูกค้าในประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยจำหน่ายให้กับร้านอาหารกลุ่มวีแกน และโรงงานผลิตอาหารแช่แข็งเพื่อนำสินค้าผลิตเพื่อส่งออกอีกทอดหนึ่ง
“ไข่ผำ เป็นพืชน้ำที่คนไทยรับประทานกันมายาวนาน โดยในภาคอีสานและภาคเหนือเรียกว่า ไข่ผำ ส่วนภาคกลางเรียกไข่น้ำ แต่ยุคใหม่นี้ได้รับความนิยมในต่างประเทศในฐานะซูปเปอร์ฟู้ด ส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีโปรตีน 40-50% สูงกว่าไข่ผำในตลาดทั่วไปที่มีอยู่ 25-35% มีสังกะสีและธาตุเหล็ก มากกว่าไข่ผำโดยธรรมชาติ 5-6 เท่า” นางสาวสุธีรา กล่าว