เรื่องราวน่าอ่าน ‘อาแปะขายไข่’ แก่แต่เก๋า
มีอาแปะคนหนึ่ง เป็นเจ้าของแผงขายไข่ เจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาด ซึ่งขายอยู่ฟองละ 2 บาท เนื่องจากขายมานานนับสิบปีแล้ว… จึงมีลูกค้าประจำมากมายแวะเวียนมาอุดหนุน
อยู่มาวันหนึ่ง อาหมวยเห็นว่าอาแปะขายไข่รายได้ดี จึงมีความคิดจะขายบ้าง
อาหมวยได้ตั้งแผงขายไข่ไก่ฝั่งตรงข้ามอาแป่ะโดยตั้งราคาขายฟองละ 1 บาท เพื่อตัดราคา
เป็นดังที่คาดไว้…!! ลูกค้าแผงอาแปะหลั่งไหลมาซื้อไข่ไก่แผงอาหมวยล้นหลาม
อาแปะรู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ จึงลดราคาไข่ไก่ลงเหลือฟองล่ะ 1 บาทเท่าอาหมวย
แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามที่อาแปะคิด…!! แม้ราคาจะเท่ากัน แต่…
ด้วยความที่ขายมานาน อีกทั้งไข่มีความสดใหม่ มีคุณภาพ ลูกค้าแผงอาหมวยก็เริ่มหันลับมาซื้อของอาแป่ะ
อาหมวยเห็นดังนั้น ก็ไม่ยอม จึงตั้งใจว่าคราวนี้จะไม่ให้อาแปะลดราคาแข่งได้เลย…!!
จึงตัดสินใจลดราคาจาก 1 บาทเหลือเพียง 25 สตางค์เท่านั้น..!! ( ขายต่ำกว่าต้นทุนที่รับมา )
กะว่ารอบนี้จะลดราคาขายไปเรื่อยๆ จนกว่าอาแปะจะเจ๊ง และ ปิดร้านไป แล้วค่อยกลับมาขายราคาเดิม
ลูกค้าจากแผงอาแป่ะและหลายๆ ที่แห่มาซื้อไข่ไก่อาหมวยกันหนาตา
อาหมวยรู้สึก กระหยิ่มในใจยิ่งนัก…!! แล้วคิดตามว่า คอยดูซิ.. อาแปะจะลดราคาสู้ไปอีกได้ไหม
จนเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่านานเป็นเดือน อาแป่ะยังคงขายไข่ไก่ฟองละ 1 บาทอยู่
มีลูกค้าบ้างประปรายแต่เรื่อยๆ ฝั่งแผงอาหมวยก็เริ่มขาดทุน เพราะ เริ่มแบกรับภาระต้นทุน ฟองละ 25 สตางค์
ขณะนั้นเองก็เกิดความประหลาดใจยิ่งนักว่าทำไมอาแป่ะ ขายฟองละ 1 บาท จึงยังอยู่ได้
ในเมื่อลูกค้าอยู่ที่แผงอาหมวยหมด มีลูกค้าไปซื้อไข่ร้านอาแป๊ะบ้างประปราย
อาหมวยที่ขายต่ำกว่าราคาที่รับมา จึงเริ่มเอาไข่คุณภาพไม่ดีมาขายปน ไข่ค้างสต๊อกบ้าง ไข่เสียแล้วบ้าง เพื่อลดต้นทุน
ทำให้ลูกค้าเริ่มไม่พอใจ จึงหันกลับไปซื้อไข่ร้านอาแปะมากขึ้น ส่วนร้านของอาหมวยก็มีลูกค้าลดลงตามคุณภาพของสินค้า
วันหนึ่งอาหมวยข้องใจทนไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินไปถามอาแปะด้วยความสงสัยว่า
อาหมวย : อาแป่ะ !! ลื้อทำไมไม่ลดราคาแข่งกับอัวอีกหล่ะ ในเมื่อเราแข่งกันมาตลอด มาแข่งกันต่อสิแล้วลื้ออยู่ได้ยังไงขายฟองละ 1 บาท
อาแป่ะ : ชำเลืองมองอาหมวยเล็กน้อยแล้วพูดว่า ” อั๊วอยู่ได้สิ ก็ช่วงแรกอั๊วซื้อไข่ไก่ลื้อมาขายไง ต้นทุนต่ำกว่าที่รับมาอีก แล้วด้วยประสบการณ์ขายไข่มานับ 10 ปี ของอั๊ว แค่มองก็รู้แล้วว่าหลังๆลื้อเอาไข่ไม่ดีมาขายปน อั๊วก็เลิกซื้อไข่ร้านลื้อ แล้วเอาของมีคุณภาพมาขาย ทำให้ลูกค้าหันกลับมาซื้อร้านอั๊ว ค้าขาย นอกจากราคาที่เป็นมิตรกับลูกค้าแล้ว เราต้องมีความซื้อสัตย์เรื่องคุณภาพของสินค้าด้วย “
อาแปะอ่านเกมส์ขาดจริงๆ มองทะลุปุโปร่งหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากขายตัดราคาแข่งกันเป็นเวลานาน ด้วยประสบการณ์ ทำให้สามารถแก้เกมส์ได้อย่างฉลาด และ ตรงจุด
เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อเตือนสติ หรือ เป็นเรื่องจริงที่เล่าต่อกันมาก็สุดแล้วแต่จะรู้ แต่หากลองมองดูในสังคมการค้าขายในปัจจุบัน เรากำลังเผชิญสิ่งเหล่านี้อยู่ คือ การลดราคาขายแข่งกัน…!!
แรกๆอาจดูเหมือนจะดี แต่พอนานๆไปก็ส่งผลกระทบไปทั้งตลาดอย่างแน่นอน เพราะมัวแต่ต้องการเอาชนะคู่แข่ง จนทำให้ราคาตลาดพัง สุดท้ายก็ไปกันไม่รอดทั้งคู่ ทุกอย่างล้วนเกิดจากการกระทำของตนเองทั้งนั้น