หนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมก็คือ เราไม่รู้ว่าจะจัดการกับเศษอาหารที่เหลือทิ้งจากครัวเรือนอย่างไรดี ซึ่งปกติแล้วหลายๆ บ้านก็มักจะเอาเศษอาหารมัดใส่ถุงพลาสติกและทิ้งลงถังขยะ ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เกิดขยะเน่าเหม็น และก่อให้เกิดเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ต่อไป
วันนี้ ในบ้าน จึงอยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ ชาวเว็บมาทำ ปุ๋ยหมักจากเศษอาหารในบ้าน ด้วยวิธีการ DIY ง่ายๆ ประดิษฐ์ถังสำหรับหมักปุ๋ยไว้ในสวนหลังบ้านโดยใช้เพียงกระถางดินเผา สาธิตขั้นตอนโดยคุณ ครัวคุณป้า : Aunty’s Recipes วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและไม่ซับซ้อน ที่สำคัญคือไม่ส่งกลิ่นเหม็นและไม่แฉะอีกด้วยครับ
DIY ชวนทำ “ปุ๋ยหมักจากเศษอาหารในบ้าน” ด้วยขั้นตอนสุดง่าย ไม่เหม็น ไม่แฉะ นี่คือหน้าตากล่องหมักเศษอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยอย่างง่ายของเราค่ะ ง่ายๆเลยคือ เราขุดดินลงไป ลึกประมาณ 3/4 ของความสูงกล่อง จากนั้นวางกล่องลงไปในดิน กลบดินให้มิดชิด ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
เปิดฝาดูด้านในหน้าตาจะเป็นแบบนี้กล่องแบบนี้ดีมากๆเลยในความคิดของเราค่ะ กล่าวคือ หน้าตาสวยงามน่ารัก ที่สำคัญคือมีฝาปิดแบบพอดี ฝาตัวนี้ด้วยความที่เป็นดินเผา ดังนั้นจึงมีน้ำหนักมาก ที่บ้านเราเลี้ยงหมา 3 ตัว เจ้าพวกหมาก็ไม่สามารถเปิดฝากล่องขึ้นมาได้ รวมถึงข้อดีอีกอย่างคือด้วยความที่เป็นดินเผา ดังนั้นจึงสามารถระบายอากาศได้ดีกว่าพลาสติกมาก ทำให้เศษอาหารภายในกล่องไม่แฉะจนเกินไปค่ะ
อีกข้อที่ดีมากๆ คือ ขนาดพอดีกับที่เราต้องการ คือมีสองกล่อง สลับกันใช้ระหว่างรออีกกล่องนึงหมัก ประมาณ 1 เดือนคือพอดีกับจำนวนขยะจากเศษอาหารที่บ้านเราทิ้งไป สรุปคือพอดีเหมาะเจาะมากๆ ถือว่าถูกใจเรามากๆ เลยค่ะ
ส่วนอันนี้คือเศษอาหารที่เราทิ้งไปก็เป็นพวก เศษผัก เศษผลไม้ เปลือกไข่ กากกาแฟ เปลือกผลไม้ ข้าวบูด อาหารเหลือ เศษกระดูกก้างปลา เปลือกกุ้ง ทิ้งได้หมดเลยค่ะ แถมกล่องแบบนี้ ไม่ต้องกรองน้ำแกงออกก่อนก็ยังไง ถ้าเป็นกล่องพลาสติกต้องกรองน้ำแกงออกทุกครั้งเลยค่ะ
วิธีทิ้ง
คือ เราจะเทเศษอาหารลงในกล่อง จากนั้นจะทับด้วยปุ๋ยคอก หรือเศษใบไม้แห้ง หญ้าแห้ง หรือดินถุงก็ได้ค่ะ
ถ้าจะให้ดีที่สุดคือเอาปุ๋ยคอกกับเศษใบไม้แห้งกิ่งไม้แห้งเล็กๆผสมกันแล้วเทลงไป สลับกับเศษอาหาร เทเป็นชั้นๆ ค่ะ หรือบางทีเราก็เทเศษอาหารลงไปสองสามรอบ แล้วค่อยทับด้วยปุ๋ยคอกผสมเศษใบไม้แห้งก็ได้ค่ะ (แต่ไม่ค่อยแนะนำเพราะปุ๋ยจะแน่นๆ หน่อย)
ระหว่างนั้นอาจจะเติมน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อนโต๊ะ (เป็นอาหารให้จุลินทรีย์) เทน้ำตาลและน้ำผสม em ประมาณอาทิตย์ละครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนเต็มถัง ปิดทับบนสุดด้วยปุ๋ยคอกผสมหญ้า/ใบไม้แห้ง เทน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อน แล้วรดด้วยน้ำผสม EM ให้ชุ่มๆ แล้วปิดฝาไว้เลยค่ะ รอประมาณ 15 วัน ก็เปิดฝาแล้วคนๆสักนิดให้เค้าคลุกเคล้ากัน แล้วปิดฝากอีกรอบ รออีก 15 วัน (ทั้งหมดทั้งมวลใช้เวลา 30 วันนับจากวันที่ขยะเต็มถัง) ครบ 30 วันเปิดออกมากก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ
อันนี้คือก่อนผิดฝา เราจะทับด้วยดินปลูกต้นไม้เก่า บางทีก็ปุ๋ยคอก บางทีก็ปุ๋ยคอกผสมใบไม้แห้งค่ะ จากนั้นโรยน้ำตาล แล้วรดด้วย em ให้ชุ่มๆ แล้วปิดฝายาวๆเลยค่ะ พอจะทิ้งเศษอาหารอีกคราวนี้เราก็จะใช้สลับกับอีกถังนึงค่ะ
หลังจากครบ 30 วัน เราตักเอาปุ๋ยที่หมักไว้ออกมา ได้ 2 กะละมังใหญ่ๆ เลยค่ะ จะเห็นว่าเศษอาหารทุกอย่างย่อยสลายไปหมดยกเว้นกระดูกไก่ กระดูกหมูนะคะ อันนี้จะใช้เวลาย่อยนานกว่า 30 วัน เราก็เก็บๆ แยกทิ้งไป ตอนนี้คือจากเศษอาหาร กลายเป็นดินดำๆ ชุ่มๆ กลิ่นหอมเย็นเหมือนดินโดนฝนใหม่ๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นกลิ่นเน่า มีสัตว์เล็กๆพวกแมลงอยู่บ้างแต่ไม่มีหนอนค่ะ แค่จับดูยังรู้เลยว่าปลูกอะไรก็งามแน่นอน 5555
ได้ปุ๋ยหมักชั้นเลิศจากฝีมือตัวเองแล้วเราก็เอาไปผสมดินถุงและขุยมะพร้าว อัตราส่วน ดินถุง 1 ขุยมะพร้าว 1 ปุ๋ยหมัก 2 ผสมคลุกเคล้ากันแล้วเอาไปปลูกผักค่ะ
หนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมก็คือ เราไม่รู้ว่าจะจัดการกับเศษอาหารที่เหลือทิ้งจากครัวเรือนอย่างไรดี ซึ่งปกติแล้วหลายๆ บ้านก็มักจะเอาเศษอาหารมัดใส่ถุงพลาสติกและทิ้งลงถังขยะ ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เกิดขยะเน่าเหม็น และก่อให้เกิดเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ต่อไป
เราทำแปลงปลูกบนโต๊ะเพราะบ้านเรามีหมา บางทีหมาไม่รู้เรื่องอาจจะกระโดดเข้าไปในแปลงผักได้ อีกอย่างคือเลี่ยงพวกหอยและวัชพืชด้วยค่ะ ข้อดีของการปลูกผักบนโต๊ะอีกอย่างคือไม่ต้องนั่งยองๆ ก้มๆ เงยๆ ให้ปวดหลังค่ะ
นี่คือแปลงผักของเราค่ะปลูกผักสลัด ผักกาดขาว คะน้าฮ่องกง ส่วนผักอื่นๆ พวกกะเพรา โหระพา ต้นหอม ผักชี ขิงข่าตะไคร้ พริก เราปลูกทุกอย่างค่ะ หลังบ้านตอนนี้เหมือนตู้เย็นเลยค่ะ อยากทานอะไรเดินเข้าหลังบ้าน เด็ดๆ มาทำอาหารได้เลย
ผักทั้งหมดนี้ไม่เคยใส่ปุ๋ยเคมี ไม่เคยใช้ยาฆ่าแมลง ใส่แค่ปุ๋ยหมักที่ทำเอง สองอาทิตย์ก็ใส่สักครั้งนึงค่ะ บางทีก็สลับกับขี้ไส้เดือนบ้าง ผักงามมากๆ แม้จะโดนหอยกินไปเกือบครึ่ง 555
ส่วนตัวเราคิดว่า ผักที่ควรปลูกมากๆสำหรับบ้านที่ชอบทำอาหารคือ
1. ต้นหอม ปลูกง่ายแค่เอาหัวจิ้มดินแล้วรดน้ำทุกวัน ไม่ต้องซื้อต้นหอมกำละ 10 บาทใช้ไม่หมดแล้วต้องทิ้ง เสียดายค่ะ
2. ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะเพรา โหระพา ผักชีฝรั่ง สะระเเหน่ เป็นต้น ได้ใช้ตลอด โดยเฉพาะกะเพรานี่ ใช้ตลอดจริงๆ ค่ะ
3. วอเตอร์เครส ทำได้สารพัดเมนูต้มผัดแกงทอด ปลูกทีเดียวกินได้ตลอดค่ะ แค่ใช้กิ่งจิ้มๆลงดิน วางในที่รำไร รดน้ำทุกวัน ก็มีวอเตอร์เครสไว้กินตลอด
4. พริก ปลูกไว้ก็ดีค่ะ ทานไม่หมดใส่กล่องแช่ฟรีซไว้ จะทานตอนไหนก็เอามาใช้ได้เลย รสชาติกลิ่นสีทุกอย่างเหมือนพริกสดๆเลยค่ะ (ปล.ตู้เย็นต้องเป็นแบบช่องฟรีซไม่เป็นน้ำแข็งนะคะ พริกจะแข็งเป็นเม็ดๆไม่ติดกันเป็นแพค่ะ)
สรุปทั้งหมดทั้งมวลคือ
1. กล่องหมักปุ๋ยแบบดินเผา เหมาะกับเรามากๆ เพราะมีฝาปิด มีน้ำหนัก ระบายอากาศได้ดี ก้นกล่องโล่ง
2. จบปัญหาต้องซื้อ compost starter โดยใช้ปุ๋ยคอกที่หาซื้อได้ง่ายกว่า แถมเป็นการกำจัดใบไม้แห้งในบ้านได้อีกด้วย ส่วน em ซื้อได้ที่ homepro หรือร้านทั่วไปมีขายเยอะมาก
3. กล่องหมักปุ๋ยแบบดินเผา เราได้มาจากร้านเดิมที่เคยซื้อกล่องหมักปุ๋ยพลาสติก
4. ปลูกผักกินเองใครว่ายาก จริงๆไม่ยากเลยค่ะ สำคัญที่สุดคือการเตรียมดินปลูก บอกเลยว่าดินถุงๆ 6 ถุงร้อยสำหรับเราคือไม่สามารถปลูกอะไรแล้วงามได้เลย นอกจากจะต้องเอาไปหมักกับปุ๋ยคอกก่อน เพราะดินถุงแบบนั้น เป็นพวกขี้เถ้าแกลบ ขุยมะพร้าว ดินเหนียวล้วนๆ แทบไม่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชเลยค่ะ
5. นอกจากได้ปุ๋ยไว้ใช้แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ ได้ช่วยกันลดภาระให้เทศบาล ให้พี่ๆคนเก็บขยะ ลดกลิ่นเหม็นเน่า ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาพวกหนู แมลงสาบได้ด้วยค่ะ เพราะจริงๆแล้ว ปัญหาขยะในโลกใบนี้ เริ่มต้นจากขยะในครัวเรือนทั้งนั้นเลยค่ะ และขยะจำพวกเศษอาหาร ก็เป็นขยะที่สร้างปัญหาเยอะและจัดการได้ยากมากๆเช่นกันค่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากชวนเพื่อนๆมาลองทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารด้วยกันนะคะ เริ่มที่เราไม่ต้องเริ่มที่ใคร ใครจะรักษ์โลกไม่รักษ์โลกไม่สำคัญ สำคัญที่เราต้องเริ่มที่ตัวเองให้ได้ค่ะ ขอบคุณค่าาาา (เสียงแบบมิสแกรนด์ 555)
*** ถ้าโพสนี้มีประโยชร์ โปรแชร์ต่อ ไปยังกลุ่มเกษตรต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะแก่ผู้พบเห็น