จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงคืออะไร…? จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก พบได้ตามแหล่งน้ำตามธรรมชาติ และ ในดินทั่วๆไป ตัวมันเองทำหน้าที่นำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในดินและน้ำมาใช้ และ สามารถย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้มีขนาดเล็กลง เร่งปฎิกิริยาการเกิดปุ๋ย
ด้วยความสามารถตรงนี้เองทำให้เรานำประโยชน์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ตรงส่วนนี้มาช่วยในเรื่องของการเกษตรได้ ทีนี้ถ้าเราเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเข้าไปในดินเพิ่มขึ้นก็จะไปเร่งปฎิกิริยาพวกนี้ให้มากขึ้น ทำให้ต้นไม้ดูดซึมปุ๋ยได้มากขึ้นลดปริมาณการใช้ปุ๋ยลง ในขณะเดียวกันต้นไม้ก็เจริญเติบโตมากขึ้นด้วย ช่วยประหยัดค่าปุ๋ยบำรุงต้นไม้ไปได้มากเลยทีเดียว
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
– ผงชูรส 1 กิโลกรัม ( ยี่ห้ออะไรก็ได้เอาที่ราคาถูกๆ ) ราคาประมาณ 100 บาท
– น้ำปลาขวดใหญ่ 3 ขวด ( ยี่ห้ออะไรก็ได้เอาที่ราคาถูกๆ ) ราคาประมาณ 75 บาท
– กะปิ 2 กระปุกเล็ก 40 บาท
– ไข่ไก่ 3 แผง ประมาณ 300 บาท
รวมแล้วประมาณ 500 บาท ส่วนผสมทั้งหมดนี้สามารถทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงได้ในปริมาณที่ ช่วยประหยัดค่าปุ๋ยลงไปได้ประมาณ 10 กระสอบ เลยทีเดียว ต่อไปเราจะมาเริ่มวิธีทำกัน ซึ่งการทำนั้นก็ไม่ยาก
ขั้นตอนวิธีทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
1. ตอกไข่ทีละลงไป 2 ฟอง ตีให้ไข่ขาวกับไข่แดงเข้ากัน
2. ใส่ผงชูรสครึ่งช้อนโต๊ะ น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ กะปิครึ่งช้อนโต๊ะ ( กะปิเป็นตัวช่วยเร่งให้ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงติดแดงได้ง่ายขึ้น )
3. คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้วตักใส่ขวดน้ำ ( อัตราส่วน 2-3 ช้อนโต๊ะ ต่อ น้ำขวด 1.5 ลิตร 1 ขวด )
4. ใส่น้ำเปล่าตามลงไปจนเต็ม เขย่าให้เข้ากัน แล้วนำไปตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน (พลิกขวดทุกวัน)
5. หลังจากนั้นก็จะเริ่มเป็นสีแดง แสดงว่าตัวจุลินทรีย์สังเคราห์แสงนั้นเจริญเติบโตจนเต็มขวดแล้ว
อย่างที่กล้าวเอาไว้ในข้างต้นว่า จุลินทรีย์สังเคราห์แสงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และ ในดิน เราแค่นำเอามาเพาะเลี้ยงด้วย กระปิ น้ำปลา ผงชูรส ไข่ไก่ ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของตัวจุลินทรีย์
ส่วนที่ในขวดเป็นสีแดงนั้นเป็นสัญญานบ่งบอกว่า น้ำในขวดเต็มไปด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราห์แสง ซึ่งพร้อมสำหรับการนำไปใช้งานต่อไป
เคล็ดลับที่ทำให้จุลินทรีย์สังเคราห์แสงติดแดง 100%
– หากใช้น้ำประปา จะออกเป็นสีเขียว สีขวา หรือ แดงไม่เต็มที่ (ไม่แนะนำ)
– หากใช้น้ำ บึง สระ ที่มีพืชน้ำเช่นบัว สาหร่าย ( โดยเฉพาะน้ำจากบ่อเลี้ยงปลา ) จะได้ผลดีมาก แดงภายใน 5-7 วัน
– น้ำบาดาล จะติดแดงบ้าง ขาวบ้าง ขึ้นอยู่กับสารเจอปนในแหล่งน้ำ
อ้างอิงจากข้อมูลของ อาจารย์ มนตรี นักระนาด ที่ท่านทดลองทำมาแล้วหลายครั้งแล้วได้ผลดังกล่าว ทำให้ทางแอดมินสรุปได้ว่า น้ำที่ใช้ได้ดีที่สุดควรเป็นน้ำจากจากบ่อเลี้ยงปลา อาจเพราะมีจุลินทรีย์สังเคราห์แสงอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำอยู่เยอะ เพราะได้มูลปลาและอินทรีย์วัตถุต่างๆที่ปลาหากินในบ่อเป็นอาหารเลี้ยงอยู่แล้ว ทำให้จุลินทรีย์สังเคราห์แสงที่อยู่ในแหล่งน้ำเหล่านี้แข็งแรง และ มีการเจริญเติบโตดี เวลานำน้ำจากแหล่งน้ำเหล่านี้มาเพาะจุลินทรีย์สังเคราห์แสง จึงทำให้เจริญเติบโตได้เร็วและติดได้ง่ายกว่าจากแหล่งน้ำอื่น
วิธีใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 100 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นที่ใบ ทุกๆ 7 วัน
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 100 ซีซี / น้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นลงดิน ทุกๆ 7 วัน
ข้อดีของการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงกับพืช
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เป็นแหล่งรวมแร่ธาตุ และ สารอาหารต่างๆที่มีประโยชน์ใต่อการเจริญเติบโตของพืช
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เป็นตัวช่วยเร่งปฎิกิริยาในการย่อยสลาย ทำให้เกิดปุ๋ยในดินเยอะขึ้น ช่วยให้พืชได้รับปุ๋ยมากขึ้น
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ช่วยในการตรึงในโตรเจน
– ใช้งานร่วมกับปุ๋ย ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยลง 30 – 50 %
– เป็นจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดกระบวนการรีไซเคิล คาร์บอน และ สารจำพวกซัลเฟอร์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของต้นไม้
– ทำให้รากของพืชแข็งแรงสามารถหาอาหารได้เก่งสามารถดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้น จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ยังมีโปรตีนสูงและวิตามินแร่ธาตุมากมาย
– พืชมีความแข็งแรงต้านทานโรคและแมลงต่างๆได้ดี
– ฉีดพ่นในคอกสัตว์ช่วยลดกลิ่นเหม็นของมูล